รีวิวหนัง fantastic beasts การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ของนักสัตว์วิเศษวิทยากับสัตว์มหัศจรรย์

ถ้าใครเป็นแฟนพันธ์แท้หนังแฮร์รี พอตเตอร์ หนังแห่งโลกเวทมนตร์ที่กวาดรางวัลออสการ์มานับไม่ถ้วน เชื่อว่าคุณต้องไม่พลาดหนังเรื่อง fantastic beasts กันแน่นอน เพราะหนังเรื่องนี้ถือเป็นภาคต่อของแฮร์รี พอตเตอร์เลยก็ว่าได้ โดยวันนี้เราจะมารีวิวหนังเรื่องนี้กัน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็สร้างผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันถึง 3 ภาคด้วยกัน โดยภาคแรกจะเป็นภาคที่เล่าถึงเหตุการณ์ของสัตว์มหัศจรรย์จอมป่วนที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าเดินทางของ นิวต์ สคามันเดอร์ ส่วนภาคสองจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามของบรรดาพ่อมดแม่มด ซึ่งทั้งสองภาคนี้เราสามารถรับชมย้อนหลังผ่าน HBO GO และ Netflix ได้เช่นกันค่ะ สำหรับภาคล่าสุดที่เพิ่งออกโรงมาได้ไม่นานนี้กับภาค The Secrets of Dumbledore เป็นภาคที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของดัมเบิลดอร์ อดีตศาสตราจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทย์มนตร์ฮอกวอตส์ในหนังแฮรรี่ พอตเตอร์ นั่นเองค่ะ

แต่การกลับมาในครั้งนี้ ก็ได้มีการสับเปลี่ยนตัวนักแสดงรุ่นใหญ่จากป๋าเดปป์ (จอห์นนี เดปป์) มาเป็น “แมดส์ มิกเกลสัน” กับบทบาทพ่อมดฝั่งร้ายอย่าง “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์” ที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี แน่นอนว่าการกลับมาของ หนังในภาคนี้ก็ได้ ‘เดวิด เยตส์’ ผู้กำกับหนังสองภาคแรก และ เจ.เค.โรว์ลิ่ง นักเขียนบทหนังผู้มากฝีมือที่เคยสร้างสรรค์ผลงานชื่อดังอย่างแฮร์รีพอตเตอร์ทั้ง 7 ภาค มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างหนังภาคนี้ด้วย

 

รีวิว fantastic beasts หนังแนวแฟนตาซีสุดตระการตา ที่จะพาคุณไปล้วงความลับของดับเบิลดอร์

เรื่องราวของหนัง fantastic beasts ภาคนี้เริ่มต้นจากการที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ แอบไปล่วงรู้ความลับของ ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ พ่อมดฝั่งร้ายที่มีแผนจะยึดครองโลกเวทมนตร์เอาไว้เป็นของตัวเอง โดยเขาได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าเขาจะต้องโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สำเร็จ ด้วยการใช้กลยุทธ์ทางการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ โดยมีควีนนี โกลสตีน และครีเดนซ์ แบร์โบน พ่อมดแม่มดที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว ด้วยเหตุนี้ดับเบิลดอร์จึงต้องร่วมมือกับนิวต์ สคามันเดอร์ เพื่อรวบรวมกองทัพพ่อมดแม่มดมาเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบในครั้งนี้ด้วย โดยผู้นำทัพในครั้งนี้ประกอบด้วย ธีซีอุส สคามันเดอร์ , เจคอบ โควาลสกี และยูซุฟ คามา เข้ามาร่วมทำภารกิจเสี่ยงตายในครั้งนี้ด้วย

แต่ถึงอย่างไรแล้วหนังภาคนี้ก็สามาถเล่าเรื่องของดับเบิลดอร์และศัตรูตัวฉกาจอย่างกรินเดลวัลด์ได้เข้มข้นไม่แพ้ภาคก่อนหน้าเลย แต่กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ได้ สองภาคก่อนหน้าก็ได้ปูทางเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไว้บ้างแล้ว ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงเส้นทางการเดินเรื่องของภาคนี้ ต้องขอเอ่ยปากชมก่อนว่าหนังภาคนี้สามารถปรับสมดุลการเรียงลำดับเหตุการณ์ในเรื่องได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายกว่าภาคก่อนหน้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการผสมผสาน Easter Egg ของจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องด้วย

 

อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกชื่นชอบในการกลับมาของหนัง ภาคนี้คือผู้กำกับสามารถปรับแต่งเรื่องราวในเรื่องได้ครบรสเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชันสุดตระการตา หรือการสอดแทรกเนื้อหาทางการเมืองในโลกเวทมนตร์เข้ามาเพิ่มอรรถรสในการดูให้สนุกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าสัตว์วิเศษในภาคนี้จะไม่ได้มีมากเท่ากับภาคก่อนหน้า แต่น้องๆ ที่ออกมาแต่ละตัวก็มีความน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ กิเลน สัตว์วิเศษระดับสูงที่สามารถอ่านจิตใจของคนได้ หรือจะเป็นปูแมงมุมที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะของผู้ชมได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์วิเศษตัวอื่นเข้ามาสร้างสีสันให้กับตัวหนังด้วยเช่นกัน

 

ส่วนพล็อตหนังก็มีการเพิ่มบทบาทของเจคอบให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการเล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างกรินเดลวัลด์และดัมเบิลดอร์เอาไว้ให้คนดูได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งความสนุกของตัวหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ความตึงเครียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะ เพราะในเรื่องยังปล่อยซีนฮาๆ ที่ทำออกมาได้กลมกล่อมกว่าภาคที่แล้วเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในหนังยังเล่าถึงมุมมองทัศนคติความคิดของตัวละครในเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ แต่ถึงอย่างไรบทหนัง fantastic beasts ก็ยังมีดีเทลที่ค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวมองว่าผู้เขียนบทอย่าง เจ.เค.โรว์ลิง คงอยากให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้ถึงแก่นแท้เหมือนกับในนวนิยาย แต่ด้วยความที่ตัวหนังเรื่องนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 23 นาที ทำให้ผู้เขียนอัดแน่นเรื่องราวเอาไว้มากจนเกินไป เมื่อดูแล้วอาจยังมีบางซีนที่ไม่ดูค่อยสมูทเท่าไหร่ ไหนจะเรื่องของการวางองค์ประกอบตัวละครเอาไว้เยอะ แต่พอลงเล่นจริงๆ กับให้ความสำคัญของตัวละครบางตัวไว้น้อยมากๆ ส่วนตัวมองว่าถ้าบทบาทของตัวละครเหล่านั้นไม่ได้มีความสำคัญมากจนเกินไปก็ควรลดตัวละครออกไปบ้างจะดีเสียกว่า แต่ยังดีที่หนังเรื่องนี้ยังได้ สตีฟ โคลฟส์เข้ามาช่วยเขียนบทร่วมด้วย จึงทำให้หนังภาคนี้ดูสมดุลและไม่ปรุงแต่งมากจนเกินไป

อีกสิ่งหนึ่งที่ยังรู้สึกว่าหนังยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนั้นก็คือ การวางตัวละครพ่อมดแม่มดบางตัวที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนอุดมการณ์แปรพักตร์ไปแบบดื้อๆ ไหนจะตรรกะของเหตุการณ์บางอย่างที่ดูไม่ค่อยเมกเซนส์สักเท่าไหร่ บวกกับตัวหนังที่เดินเรื่องค่อนข้างเนือย ดูแล้วรู้สึกเยิ่นเย้อจนเกินไป ส่วนฉากต่อสู้แอ็กชันที่ต้องสาดประกายเวทมนตร์ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่แอบเสียดายที่ซีนเวทมนตร์ในหนังค่อนข้างมีน้อยและรวบรัดจนเกินไป

 

ในของส่วนนักแสดงที่แคสต์มาทั้งหมด ถือว่าเลือกสรรได้เหมาะสมกับบทบาทของตัวละครเป็นอย่างมาก ซึ่งปกติแล้วนิวต์ สคามันเดอร์ จะเป็นตัวเอกที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในเรื่อง แต่เมื่อถึงภาคนี้กลับกลายเป็นว่าเขาถูกดัมเบิลดอร์แย่งซีนไปเต็มๆ แต่ถึงอย่างไรอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในภาคนี้ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ส่งถึงคนดูได้ทรงพลังอีกเช่นเคย ส่วนแมดส์ มิกเคลเซน นักแสดงตัวร้ายที่มาแทนป๋าเดปป์ ก็สามารถรับมือกับบทบาทของเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ได้ดีไม่แพ้ป๋าเดปป์เลยทีเดียว เรียกว่าต่อให้ใครเล่นเราก็ยังสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายของ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ได้เหมือนกับต้นฉบับจริงๆ สำหรับใครที่อยากตามไปชมความสนุกของหนังเรื่อง fantastic beasts ก็สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ผ่าน HBO และ Netflix เลยค่ะ

*** คะแนน IMDb = 6.2

รับชมตัวอย่างหนังได้ที่นี่