รีวิวหนัง don’t breathe 2 อดีตทหารตาบอดสุดเหี้ยม กับแก๊งค์อาชญากรรมค้าอวัยวะมนุษย์

ถ้าใครเคยดูหนังเรื่องนี้ใภาคแรกในปี 2016 มาก่อนหน้านี้แล้ว เราจะเห็นถึงความเหี้ยมโหดของลุงตาบอดที่ได้กระทำการทารุณกรรมกับเหล่าโจรที่แอบย่องเข้ามาในบ้านกันแบบเลือดสาดกระจาย ด้วยเนื้อหาของหนังที่ค่อนข้างมีความรุนแรงบวกกับความสาดิสม์ ทำเอาคนดูแทบจะปิดตาดูกันเลยทีเดียว แต่รู้ไหมว่าหนังภาคแรก สามารถทำเงินได้มากสุดถึง 157 ล้านเหรียญสหรัฐเลยล่ะค่ะ และด้วยกระแสตอบรับจากแฟนๆ หนังเรื่องนี้ ที่มีอย่างล้นหลาม จึงทำให้ผู้กำกับต้องเขียนบท don’t breathe 2 ขึ้นมาเอาใจแฟนๆ ให้หายคิดถึงกัน แต่ต้องบอกเลยว่าตัวหนังภาคนี้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของลุงตาบอดได้แบบซึ้งใจมากๆ เพราะในภาคแรกเราจะเห็นแค่ตอนที่ลุงตาบอดฆ่าคนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในภาคนี้เราจะได้เห็นมุมมองที่อ่อนโยนของลุงตาบอดที่มีให้กับลูกสาว รวมถึงฉากบู๊สุดโหดที่ลุงตาบอดจะต้องต่อสู้กับเหล่าโจรให้ได้ ถ้าใครอยากจะรู้กันแล้วว่าความสนุกของภาค 2 จะมันส์สมคำล่ำลือจริงไหม วันนี้เราจะมารีวิวความสนุกและประเด็นที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

รีวิว don’t breathe 2 ภาคต่อของลุงตาบอด ปี 2021

รีวิว don’t breathe 2 วันนี้ ยังคงขนกองทัพนักแสดงตัวเอกอย่าง “Stephen Lang” มารับบทบาทเป็นลุงตาบอดยอดนักสู้เหมือนเช่นเคย แต่ภาคนี้จะได้นักแสดงตัวน้อยอย่าง “Madelyn Grace” มาร่วมสมบทบาทเป็นลูกของลุงตาบอดด้วย ส่วนผู้กำกับของหนังเรื่องนี้คือ Sam Raimi , Robert Tapert , Fede Alvarez และ Rodo Sayagues ผู้มากประสบการณ์ในการกำกับหนังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มานับไม่ถ้วน

โดยเรื่องราวของลุงตาบอดในภาคนี้จะเป็นภาคต่อของลุงตาบอดที่ชื่อว่า “นอร์แมน นอร์ดสตอร์ม” อดีตทหารตาบอดผ่านศึกสุดแกร่ง ผู้ซึ่งเคยปราบจอมโจรทั้ง 3 คนที่แอบย่องเข้ามาขโมยของในบ้านได้อย่างราบคาบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปลุงตาบอดก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่พร้อมกับได้อุปการะ “ฟีนิกซ์” เด็กหญิงตัวน้อยที่กำพร้าพ่อแม่จากเหตุการณ์ไฟไหม้มาเลี้ยงดูเป็นลูกของตัวเองจนเติบใหญ่ แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเหล่าแก๊งอาชญากรรมค้าอวัยวะมนุษย์ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองของลุงตาบอด ประจวบเหมาะกับตอนที่ฟีนิกซ์ได้ขอลุงตาบอดออกไปท่องเที่ยวในรอบเมืองพอดี ทำให้ฟีนิกซ์ได้เจอกับแก๊งอาชญากรรม พวกมันก็เริ่มวางแพลนจะลักพาตัวฟีนิกซ์ไปจากลุงตาบอดให้ได้ แต่แล้ววันหนึ่งความลับที่ลุงตาบอดไม่เคยปริปากพูดออกมา ก็ทำให้ลุงตาบอดต้องเผชิญกับความผิดในอดีตที่เขาไม่มีทางหนีมันพ้น

ซึ่งต้องบอกเลยว่าในภาคนี้เราจะได้เห็นลุงตาบอดในอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เราได้เห็นถึงความดีของลุง รวมถึงตัวหนังมีการสะท้อนแง่คิดและศีลธรรมให้คนดูได้ติดตามกันแบบสนุกๆ ประกอบกับตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องที่มีความคิดวิปริตและแฝงไว้ด้วยความโลภ จึงทำให้หนังเรื่องนี้ ดูสมูทและชวนให้ลุ้นระทึกกันตลอดทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ

เมื่อนำภาคแรกมาเปรียบเทียบกับภาคสองแล้วจะเห็นได้ว่า ตัวเรื่องไม่ได้เล่าถึงรายละเอียดและความรู้สึกนึกคิดของคุณลุงตาบอดลงไป จึงทำให้คนดูไม่ได้รู้สึกสงสารลุงตาบอดเท่าไหร่ อีกทั้งตัวหนังยังเชียร์ไปทางฝั่งโจรซะมากกว่า ว่าจะสามารถหนีคุณลุงตาบอดออกไปได้ไหม แต่กลับกันในภาคนี้เราจะได้เห็นถึงความรู้สึกของคุณลุงแบบจัดเต็ม แถมเรายังได้แง่คิดใหม่ๆ ที่ว่าการทำตัวเป็นคนดีก็ไม่ได้แปลว่าบุคคลผู้นั้นจะไม่ได้มีเจตนาชั่วแอบแฝง หรือบางครั้งคนที่ทำเรื่องเลวร้ายก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนชั่วเสมอไป เพราะเขาจำเป็นต้องทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดนั่นเอง

ถึงแม้ว่าหนัง จะมีความยาวที่ใกล้เคียงกับภาคแรก แต่จังหวะการเดินเรื่องของภาคนี้ถือว่าทำได้ช้ากว่าภาคแรกอยู่พอสมควร เพราะในภาคแรกเราจะเห็นจอมโจรเข้าไปขโมยของในบ้านลุงตาบอดเลย แต่ภาคนี้จะเน้นเก็บดีเทลที่ละเอียดอ่อนของตัวละครลงไปเยอะในช่วงต้นเรื่อง จึงทำให้ผู้ชมได้เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลุงตาบอดได้ลึกซึ้งกว่าภาคแรก รวมทั้งในหนังภาคนี้ยังมีจังหวะผ่อนที่ปล่อยให้คนดูได้หายใจกันแบบทั่วท้อง ก่อนจะเริ่มดำเนินฉากต่อสู้กันแบบลุ้นระทึกจนถึงฉากจบ

แต่ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของตัวละครเอกทุกตัวเลยค่ะ เพราะทุกคนสามารถถ่ายทอดอารมณ์และไหวพริบปฏิภาณออกมาได้สมบูรณ์แบบ ไหนจะเรื่องของสถานที่และฉากภายในบ้านที่สามารถสร้างสรรค์บ้านออกมาได้เหมือนกับเขาวงกตสุดๆ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาคแรกหรือภาคสอง ตัวบ้านก็มีช่องลับและมีมุมซิกแซกที่เอาไว้ให้ตัวละครได้หลบหนีในยามคับขันเช่นเดิม รวมถึงโลเคชั่นในฉากสุดท้ายก็ถือว่าทำออกมาได้แปลกตาและไม่เหมือนใครเลยทีเดียวค่ะ
*** คะแนน IMDb = 6.0 ***

สรุป

อีกจุดหนึ่งของหนังเรื่อง ที่เรามองว่าผู้เขียนสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของการเป็นผู้ล่าได้ดีนั้นก็คือ ฉากที่คุณลุงตาบอดใช้คลื่นเสียงในการไล่ล่าโจร ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้เขียนบทสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของลุงตาบอดได้แบบสมจริงมากๆ รวมถึงน้องฟีนิกซ์ที่มีไหวพริบอันชาญฉลาดและสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างหวุดหวิด เรียกว่าถ้าไม่ผ่านการฝึกฝนจากลุงตาบอดมาก่อนหน้านี้น้องอาจไม่รอดจนถึงฉากสุดท้ายก็เป็นได้ค่ะ

สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน เราก็สามารถดูภาค 2 ได้แบบไม่มึนงงแน่นอนค่ะ เนื่องจากพล็อตเรื่องของภาคแรกไม่ได้มีความปะติดปะต่อกับภาคสองเท่าไหร่นัก แต่เนื้อเรื่องจะมีการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครลงไปได้ครบรสชาติกว่า ดังนั้นแล้วถ้าใครชอบเนื้อหารุนแรงที่มีความซาดิสม์หน่อยๆ ก็สามารถเข้าไปชมภาคแรกกันก่อนได้ ส่วนใครที่อยากดูมุมมองของตัวละครแบบเข้มข้นต้องห้ามพลาดเลยค่ะ